เรามาเริ่มจากความหมายของคำแต่ละคำกันก่อนโดยจะอิงความหมายจาก Oxford Learner’s Dictionary คำว่า “ Past ” มีความหมายว่า เวลาที่ได้ผ่านไปแล้ว หรือว่า “อดีต” นั่นเอง คำว่า “ Simple ” มีความหมายว่า ไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการเข้าใจ จะสรุปง่ายๆ ได้ว่า ธรรมดา หรือ เป็นปกติ และคำสุดท้ายคือคำว่า “Continuous” จะมีความหมายว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือสิ่งที่เกิดขึ้น หรือกระทำอยู่ในชั่วขณะ หรือในระยะเวลาหนึ่ง เพราะฉะนั้นเมื่อนำคำว่า “Past” มาผสมกับคำว่า “Simple” ก็จะได้คำว่า “Past Simple” ซึ่งหมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต หรือเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นเรื่องปกติ หรือเป็นเรื่องธรรมดา
หากนำคำว่า “Past” มาผสมกับคำว่า “Continuous” ก็จะได้คำว่า “Past Continuous” ซึ่งหมายถึง สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอดีต หรือกระทำอยู่ในชั่วขณะหรือในระยะเวลาหนึ่งในอดีตนั่นเอง
Past Simple Tense คือรูปประโยคที่ใช้ในการกล่าวถึงเรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เป็นสิ่งผ่านไปแล้ว จบไปแล้ว สิ้นสุดลงไปแล้ว ไม่มีผลต่อในเหตุการณ์ปัจจุบัน คำกริยาที่ใช้ใน Tense นี้ ส่วนมากจะเป็นคำกริยาช่องที่ 2 ( V2 )
คำกริยาช่องที่ 2 หรือ V2 คือ คำกริยาที่ใช้บ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต มีทั้งหมด 2 รูปแบบคือ Regular Verbs หรือ กริยาปกติที่ไม่เปลี่ยนรูป เมื่อเปลี่ยนเป็นรูปอดีตจะเติม – ed ตามหลังเสมอ เช่น walked , worked , invited เป็นต้น และ Irregular Verbs หรือ กริยาที่ไม่ปกติ มีการเปลี่ยนรูปเมื่อกลายเป็นอดีต เช่น drive เป็น drove , eat เป็น ate , go เป็น went เป็นต้น แต่บางครั้ง Irregular Verbs บางคำก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง และไม่ต้องเติม – ed เช่น cut -> cut -> cut เป็นต้น
แบบที่ 1: ใช้กับเรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น และจบลงไปแล้วในอดีต มักจะมีคำว่า yesterday, last day, last night, last month, last year, ago, in 1997, ฯลฯ ตัวอย่าง past simple
เช่น
แบบที่ 2: ใช้กับเรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ หรือทำจนเป็นนิสัยในอดีต แต่ไม่ได้ทำ หรือเลิกทำแล้วในปัจจุบัน อาจจะมีคำที่แสดงถึงความถี่ เช่น always , usually , often , sometimes , seldom , never , every , ฯลฯ ยกตัวอย่างประโยค เช่น
โครงสร้างประโยคใน Past Simple Tense นั้นมีรูปแบบ ดังนี้
ประโยคบอกเล่า : S + V2
ประโยคปฏิเสธ : S + did + not + V.Inf .
( V.Inf หรือ Infinitive หมายถึง รูปของกริยาที่ไม่ได้ผัน หรือกริยาช่องหนึ่ง
ทำไมถึงใช้ did เพราะ V.Inf หรือกริยาช่องที่ 1 เป็นคำกริยาแท้ไม่สามารถทำให้รูปประโยคสมบูรณ์ได้ การที่จะทำให้เป็นประโยคที่สมบูรณ์จะต้องนำกริยาช่วย คือ did ( did คือ กริยาช่องที่ 2 ของ do และdoes) แต่ถ้าหากกริยาในประโยคเป็นกริยาแท้อยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ did ในประโยค
ประโยคคำถาม : Did + S + V.Inf + ?
มาต่อกันเรื่องนี้กันค่ะ Past Continuous Tense คือ รูปประโยคที่ใช้ในการกล่าวถึงเรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือกำลังดำเนินต่อไปในอดีต หรือเกิดขึ้น และดำเนินไปในช่วงใดช่วงหนึ่งที่ผ่านไปแล้ว โครงสร้างนี้มีรูปแบบคล้ายกับ Present Continuous Tense แต่จะแตกต่างกันที่ เราจะใช้ was / were แทน is / am / are หลักการ และวิธีการใช้จะอธิบาย และทำตารางให้เข้าใจง่ายๆ ได้ดังนี้
น้อง ๆ คงสงสัยแล้วว่า was / were นั้นแตกต่างกันอย่างไร เราจะอธิบายให้ฟังแบบง่าย ๆ คือ
รูปแบบที่ 1: ใช้ในการกล่าวถึงเรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ในที่ใดที่หนึ่งในอดีต จะมีคำบอกเวลาที่ค่อนข้างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น
รูปแบบที่ 2: ใช้ในการกล่าวถึงเรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอดีต แต่ถูกขัดจังหวะ หรือถูกแทรกเข้ามา เหตุการณ์ที่เกิดก่อนจะใช้ Past Continuous Tense ส่วนที่เกิดที่หลังจะใช้ Past Simple Tense มักจะมีคำว่า when หรือ as มาเชื่อมประโยค ยกตัวอย่างเช่น
รูปแบบที่ 3: ใช้ในการกล่าวถึงเรื่องราว เหตุการณ์ หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต มักจะมีคำว่า while หรือ and มาเชื่อมประโยค ยกตัวอย่างเช่น
ประโยคบอกเล่า : S + was / were + V.ing
ตัวอย่างประโยค past continuous tense ที่เป็นประโยคบอกเล่า
ประโยคปฏิเสธ : S + was / were + not + V.ing
ยกตัวอย่างประโยคปฏิเสธใน Past Continuous Tense
ประโยคบอกเล่า : S + was / were + V.ing
ยกตัวอย่างประโยคคำถามใน Past Continuous Tense
แม้สอง tense นี้จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ความต่างคือ Past Simple จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จบลงไปแล้ว เช่น I played football yesterday (เมื่อวานฉันเตะฟุตบอล) แต่สำหรับ Past Continuous จะเป็นเหตุการณ์กำลังดำเนินอยู่ขณะนั้น (แม้ว่าจริงๆ จะจบลงไปแล้ว) ประมาณว่า I was writing the letters at 2 PM (เมื่อวานตอนบ่ายสองโมงฉันกำลังเขียนจดหมายอยู่)
หากเราต้องการจะสื่อสารว่า ขณะที่เราสิ่งหนึ่งอยู่ แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ในรูปประโยคจะเป็นการใช้ tense คู่นี้ร่วมกัน โดยมีคำเชื่อม เช่น while, when, as เป็นต้น ตัวอย่างประโยค เช่น
หวังว่า หลักการใช้ Past Simple VS Past Continuous นี้จะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจ tense คู่นี้มากขึ้นนะคะ
ที่มาข้อมูล