NOUNS AND PRONOUNS ใช้ยังไงให้เป๊ะ
11942 views | 31/12/2021
Copy link to clipboard
Arrietty .
Content Creator

วันนี้เราจะชวนน้อง ๆ มาเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษกัน โดยในทุกบทสนทนาที่เกิดขึ้นมักมี คำนาม (Nouns) และ คำสรรพนาม (Pronouns) ร่วมอยู่ด้วยทุกครั้ง อาทิ การพูดคุยถึงบุคคลที่สาม, การใช้ชื่อเรียกแทนสัตว์เลี้ยง, การบอกเล่าเรื่องราวถึงความสวยงามในสถานที่ต่าง ๆ ที่เราเคยไปมาให้กับเพื่อนของเราได้ฟัง ประโยคดังกล่าวเหล่านี้เป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบประโยคพื้นฐานที่เราจะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน


ด้วยเหตุนี้การใช้ Nouns และ Pronouns ในภาษาอังกฤษจึงเป็นหนึ่งในเรื่องพื้นฐานที่ต้องมีอยู่ในรูปประโยค โดยสามารถสรุปคำนิยามและวิธีการใช้งานของคำแต่ละประเภทได้ตามหลักการดังต่อไปนี้


1. นิยามของ NOUNS AND PRONOUNS



คำนาม (Noun) คือ คำที่ใช้เรียกแบบเฉพาะเจาะจงทั้งการใช้เรียก ชื่อคน ชื่อสถานที่ ชื่อสัตว์ ตลอดจนชื่อของสิ่งของ ที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น

  • คำที่ใช้เรียกชื่อของคน สัตว์ กิจกรรม เหตุการณ์ และสถานที่: สุนัข (dog), โรงเรียน (school), งานแต่งงาน (wedding)
  • คำที่ใช้เรียกสิ่งที่อยู่ในรูปแบบนามธรรม : ความคิด (idea), อันตราย (danger), ความรู้สึก (feeling)

  

คำสรรพนาม (Pronoun) คือ คำที่ใช้สำหรับเรียกแทนชื่อของบุคคล สถานที่ สัตว์ หรือสิ่งที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น เขา (he), เธอ (she), มัน (it), คุณ (you), พวกเขา (they) และ เรา (we) โดยแต่ละคำสามารถเปลี่ยนรูปได้ตามบริบทที่ผู้พูดใช้ดังนี้

  • ประธาน : ฉัน (I), คุณ (you), เขา (he), เธอ (she), มัน (it), เรา(we), พวกเขา (they)
  • กรรม : ฉัน (me), คุณ (you), เขา (him), เธอ (her), มัน (it), เรา (us), พวกเขา (them)
  • เจ้าของบางสิ่งบางอย่าง : ฉัน (mine), คุณ (yours), เขา (his), เธอ (hers), มัน (its), เรา (ours), พวกเขา (theirs)
  • สะท้อนถึงตัวเองและคนอื่น :ฉัน (myself), คุณ (yourself/yourselves), เขา (himself), เธอ (herself), มัน (itself), เรา (ourselves), พวกเขา(themselves)


2. คำไหนคือคำนาม (Noun) ?



หนึ่งในวิธีที่เราจะสามารถสังเกตได้ว่าคำไหนคือคำนามคือดูจาก suffix ซึ่ง suffix คือรากศัพท์ที่ใช้วางด้านหลังคำนามเพื่อให้เกิดเป็นรูปคำใหม่ ๆ เช่นคำว่า teach มีความหมายว่า “สอน” ทว่าหากใส่ suffix -er เข้าไปคำนี้จะมีความหมายใหม่ทันทีคือคำว่า teacher (คุณครู) โดย Noun suffix ที่ใช้ร่วมกับคำนามมีดังนี้

  • -ance: distance (ระยะทาง), substance (สาร) และ insurance (ประกัน)
  • -dom: อิสรภาพ (Freedom), ราชอาณาจักร (Kingdom) และ ปัญญา (Wisdom) 
  • -ee: ลูกจ้าง (Employee), (ผู้มาสัมภาษณ์ (Interviewee) และ ผู้ได้รับการฝึก (Trainee)
  • -eer: วิศวกร (Engineer), นักเชิดหุ่น (Puppeteer) และ อาสาสมัคร (Volunteer)
  • -ence: ความมั่นใจ (Confidence), ความต่าง (Difference) และ ความเงียบ (Silence) 
  • -er: นักอ่าน (Reader) คุณครู (Teacher) และ นักเขียน (Writer)
  • -hood: ช่วงวัยเด็ก (Childhood), ความเป็นแม่ (Motherhood) และ ย่านใกล้เคียง (Neighborhood) 
  • -ion: การฉลอง (Celebration), การตัดสินใจ (Decision) และ ทางเลือก (Option) 
  • -ism: ระบบทุนนิยม (Capitalism), ความเป็นชาตินิยม (Nationalism) และ การท่องเที่ยว (Tourism) 
  • -ist: นักข่าว (Journalist), นักจิตวิทยา (Psychologist) และ นักท่องเที่ยว (Tourist) 
  • -ity: ความรับผิดชอบ (Responsibility), สัญชาติ (Nationality), และ ความเป็นไปได้ (Feasibility)
  • -ment: โฆษณา (Advertisement), ความบันเทิง (Entertainment) และ การจ่ายเงิน (Payment)
  • -ness: ธุรกิจ (Business), ความสุข (Happiness) และ ความหนา (Thickness)
  • -or: นักเขียน (Author), หมอ (Doctor) และ ผู้กำกับ, ผู้อำนวยการ (Director)
  • -ry: การส่งของ (Delivery), การป่าไม้ (Forestry) และ ห้องปฏิบัติการ (Laboratory)
  • -ty: ที่ดิน (Property), การรับประกัน (Warranty) และ ความปลอดภัย (Security)
  • -ship: มิตรภาพ (Friendship), ความเป็นผู้นำ (Leadership) และ ความเป็นสมาชิก (Membership)


3. ประเภทของคำนาม



แม้ว่า suffix จะช่วยทำให้เราสามารถแยกคำนามได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างไรเราก็จำเป็นจะต้องดูรูปประโยคโดยรวมด้วยว่าประโยคนั้นคำนาม (noun) ของเราทำหน้าที่อะไรอยู่ โดยคำนามสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทดังนี้ 


  1. คำนามในรูปเอกพจน์ (singular noun) และพหูพจน์ (plural noun)
  2. คำนามในรูปของคำที่สื่อถึงปริมาณที่นับได้และคำนามที่ไม่สามารถนับได้
  3. คำนาม ที่แสดงตามหมวดหมู่ ประกอบไปด้วย
  •  common noun: คำนามที่ใช้สำหรับเรียกคำทั่วไปแบบไม่เฉพาะเจาะจง เช่น student, pen 
  •  proper noun: คำนามที่ใช้สำหรับเรียกชื่อแบบเฉพาะเจาะจง เช่น John, Bangkok
  •  concrete noun: คำนามที่ใช้สำหรับเรียกแทนสิ่งของที่เป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้ เช่น house, child 
  •  abstract noun: คำนามที่ใช้สำหรับเรียกแทนสิ่งของที่ไม่เป็นรูปธรรมและไม่สามารถจับต้องได้ เช่น love, happiness 
  • collective noun: คำนามที่ใช้สำหรับเรียกสิ่งที่ถูกจัดเป็นกลุ่ม ๆ เช่น group, family


4. หลักการใช้คำนาม (Noun)

 


สำหรับวิธีการใช้คำนามให้ถูกต้องตามหลักการมีวิธีง่าย ๆ ดังนี้

  4.1 คำนามในรูปประธาน (subject) สังเกตได้จากคำที่อยู่ด้านหน้าประโยค เช่น 

  • John lives in Malaysia. (จอร์นอาศัยอยู่มาเลเซีย) John ในที่นี้ทำหน้าที่เป็นประธาน


  4.2 คำนามในรูปกรรม (object) คำนามที่ถูกกระทำมักอยู่หลัง คำกิริยา (verb) เช่น 

  • She gave me a book yesterday (เธอให้หนังสือหนึ่งเล่มกับฉันเมื่อวาน) ในรูปประโยคคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมคือคำว่า me และคำว่า book 


  4.3 คำนามในรูปส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามา (complement) คำนามที่รับหน้าที่ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ประธานทำ ประธานเป็นอยู่ ซึ่งมักจะอยู่หลังจาก linking verb ที่ประกอบไปด้วย Is, am, are, was, were เช่น 

  • we are Thai (พวกเราเป็นคนไทย) ในที่นี้ Thai เป็นคำนามที่ขยาย we 


  4.4 คำนามในรูปอื่น ๆ คือคำนามที่ทำหน้าที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเช่น

  • ทำหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ด้านหน้า เช่น My mother, Jay, lives in the same town with me. ในที่นี้ Jay เป็นคำนามที่ทำหน้าที่ขยาย My mother 
  • ทำหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ด้านหลัง เช่น I love leather bags. ในที่นี้ leather ทำหน้าที่เป็น adjective ที่ขยาย bag ซึ่งเป็นคำนามที่อยู่หลังสุด
  • ทำหน้าที่เป็นเจ้าของบางสิ่ง มักเติม ’s เสมอ เช่น jam’s dog is very cute 


5. ประเภทของคำสรรพนามและหลักการใช้งาน (Pronouns)



เนื่องจากคำสรรพนามเป็นคำที่เราเลือกใช้แทนการเรียกชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ เช่น Jenny and Bob are my friend. They live in the same town with me. (เจนนี่และบ๊อบเป็นเพื่อนของฉัน พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองเดียวกับฉัน) ตามรูปประโยคเราจะเห็นว่า Jenny ทำหน้าที่เป็นประธาน (subject) ซึ่งในการกล่าวถึง Jenny ครั้งที่สอง ประธานจะถูกเปลี่ยนจากคำนาม (Jenny) ให้อยู่ในรูปของคำสรรพนามคือคำว่า She โดยคำสรรพนามสามารถแยกประเภทตามการใช้งานได้ 7 ประเภท ดังนี้


5.1 Personal Pronoun: คำสรรพนามประเภทนี้ใช้แทนการเรียกชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยตรง เช่น 

  • ใช้เป็นประธานของรูปประโยค (Subject Pronouns) ประกอบไปด้วย I, you, he, she, it, we และ they เช่น I want to be a lawyer. (ฉันอยากเป็นทนายความ)
  • ใช้เป็นกรรม (Object Pronouns) ประกอบไปด้วย me, you, him, her, it, us และ them เช่น My mom wants me to be a lawyer. (แม่อยากให้ฉันเป็นทนายความ)


5.2 Possessive Pronoun: คำสรรพนามที่ใช้เพื่อบ่งบอกความเป็นเจ้าของ ประกอบไปด้วย mine, yours, his, hers, its, ours, theirs เช่น This bag is mine. (กระเป๋าใบนี้เป็นของฉัน)


5.3 Reflexive Pronoun: คำสรรพนามที่ใช้บ่งบอกหรือสะท้อนให้ทราบว่าเราเป็นคนทำ ประกอบไปด้วย myself, yourself, yourselves, himself, herself, itself, ourselves และ themselves 

เช่น I did my homework myself. (ฉันทำการบ้านด้วยตัวฉันเอง)


5.4 Definite Pronoun: คำสรรพนามที่ใช้บ่งบอกถึงบางสิ่งแบบเฉพาะเจาะจง ประกอบไปด้วย this, that, these และ those เช่น This is our new product. (นี้คือผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเรา)


5.5 Interrogative Pronoun: คำสรรพนามที่ใช้ในรูปประโยคที่เป็นคำถาม ประกอบไปด้วย what, which, who, whom และ whose เช่น Which shoes are yours? (รองเท้าของคุณคือคู่ไหน)

5.6 Indefinite Pronoun: คำสรรพนามที่ใช้แทนคำนามทั่วไปแบบไม่เฉพาะเจาะจงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ประกอบไปด้วย everybody, everyone, everything, somebody, someone, something, some, anybody, anyone, anything, any, nobody, no one, nothing, neither และ none เช่น I don’t know anything about it. (ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย)

5.7 Relative Pronoun: คำสรรพนามที่ใช้แทนคำนามเพื่อขยายหรือเชื่อมรูปประโยคให้ไปในทางเดียวกัน ประกอบไปด้วย who, whom, whose, which, that, where, when และ why เช่น There is a boy who is running in the park. (เด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวน)


กล่าวได้ว่า Nouns and Pronouns เป็นพื้นฐานภาษาอังกฤษที่สำคัญอย่างมาก ทั้งยังมีหลักการในการใช้งานแบบเฉพาะตัว จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่เราจะต้องศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจให้ชัดเจน ในเรื่องของความหมาย ประเภท และวิธีการใช้งาน เพื่อให้การพูด การเขียน และการฟังภาษาอังกฤษของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถนำไปใช้สื่อสารให้มีความหมายที่ชัดเจน ตรงประเด็น ผู้อ่านหรือคู่สนทนาสามารถเข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อถึงได้อย่างถูกต้อง

ที่มาข้อมูล

  • การใช้PronounและNoun-GoogleSites(https://sites.google.com/site/fxxkhtml/pronoun-kha-srrphnam)
  • Pronounคือสรรพนามทั้ง9ไงมีอะไรบ้างและใช้ยังไง(https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/)
  • บทที่3:คำนามและคำสรรพนาม(NounsandPronouns)(http://old-book.ru.ac.th/)
  • อังกฤษพื้นฐาน(http://www.whatami.net/)
  • หลักการใช้Pronounฉบับเข้าใจง่าย|DailyEnglishคลังความรู้ภาษา(https://www.dailyenglish.in.th/pronoun/)
  • Pronounคืออะไรพร้อมตัวอย่างประโยค|Meowdemy(https://meowdemy.com/)