โดยทั่วไปแล้วรายได้จะมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ Active Income กับ Passive Income ซึ่งความแตกต่างระหว่าง Passive Income และ Active Income ก็คือแนวคิดในการหารายได้ โดย Active Income จะต้องใช้เวลาและความทุ่มเทมากกว่าเพื่อให้ได้รายได้มา แต่สำหรับ Passive Income นั้นลงทุน ทุ่มเทแค่ครั้งเดียวแต่กลับสามารถสร้างรายได้ไปตลอด เพียงแค่ต้องคอยดูแลรักษาและหมั่นอัปเดตเกี่ยวกับดีเทลยิบย่อยให้ทันสมัยขึ้นเท่านั้น
1) รายได้จากการทํางาน (Active Income)
เป็นการทำงานเพื่อให้มีรายได้ หยุดงานเมื่อไหร่ก็ไม่มีนั่นเอง เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นเมื่อเราทำงานเท่านั้น เช่น พนักงานบริษัท พนักงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ พ่อค้า แม่ค้า ที่ถ้าหากหยุดงาน ก็จะไม่มีรายได้จากเงินเดือน รายได้จากการทําธรุกิจ รายได้จากการทํางาน part-time รายได้จากการขายของออนไลน์ เป็นต้น
2) รายได้จากการลงทุนหรือการออม (Passive Income)
เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนหรือออมเงินที่ทำไปแล้วก็จะมีรายได้เข้ามาตลอดอย่างสม่ำเสมอโดยที่ไม่ต้องทำงาน ถึงแม้เราจะหยุดงาน ป่วยไม่สบายก็ยังมีรายได้เข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยจะได้รายได้เป็นดอกเบี้ย เงินฝาก ค่าเช่า เงินปันผล และผลกำไร เป็นต้น
ดังนั้นการมี Passive Income จึงหมายถึงการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตทางการเงิน เปรียบเสมือนการมีกระเป๋าตังค์หลายใบ หากกระเป๋าตังค์ใบที่หนึ่งไม่มีเงินเข้ามา ก็ยังมีกระเป๋าตังค์ใบที่สองเอาไว้ใช้จ่าย ซึ่งไอเดียในการสร้าง Passive Income ก็มีอยู่มากมาย เช่น การทำคอร์สเรียนออนไลน์, การเขียนหนังสือ, ทำ E-Book, ทำ Sticker Line, ขายรูปในลักษะของการขายลิขสิทธิ์ผ่าน Getty Images / Alamy หรือ Shutterstock, ลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรือว่าฝากประจำ เป็นต้น
นายเอทำงานเป็นนายหน้าขายที่ดินให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง วันหนึ่งกระแสราคาที่ดินพุ่งขึ้นแบบติดจรวด เขาขายที่ดินทำเลทองได้ โดยขายในราคาตารางวาละ 2 ล้านบาท หักค่านายหน้ารับฝากขายที่ดิน 3% ตก 60,000 หมื่นบาท สรุปแล้วลูกค้าซื้อที่ดิน 20 ตารางวา เท่ากับราคา 20 ล้าน นายเอจึงได้ค่านายหน้า 1.2 ล้านบาท (รายได้แบบ Active Income) นายเอจึงนำเงินที่ทำได้จากการเป็นนายหน้าขายที่ดิน 1.2 ล้านบาทไปลงทุนซื้อคอนโดทำเลดี แล้วปล่อยให้คนเช่าเดือนละ 1 หมื่นบาท (รายได้แบบ Passive Income)
การสร้าง Passive Income ด้วยการทำธุรกิจให้เช่าที่พัก ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นลงทุนซื้อบ้าน คอนโด ทาวน์โฮมเพื่อปล่อยเช่าก็จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของค่าเช่าที่ส่วนใหญ่จะทำสัญญาจ่ายกันเป็นรายเดือน นั่นหมายความว่า หากเราลงทุนซื้ออสังหาฯ แล้วมีคนเช่า เราก็จะได้รับกระแสเงินสดต่อเนื่องในทุก ๆ เดือน แต่ข้อเสียก็คือ ต้องมีเงินลงทุนสูงมาก
อีกแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ ไม่ต้องลงทุนสูงมากก็คือ การทำ Home-sharing หรือการแบ่งห้องพักของตัวเองให้คนอื่นมาเช่ารายวันหรือรายเดือนผ่านเว็บไซต์ให้เช่าที่พักในรูปแบบของการเป็นพาร์ทเนอร์ เราก็จะได้ค่าตอบแทนหลักจากหักเปอร์เซ็นต์แล้ว
ธุรกิจให้เช่าที่พักกำลังมาแรงและอยู่ในกระแสนั่นก็เพราะว่าหลังจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง ผู้คนก็มีความต้องการอยากออกไปท่องเที่ยวเดินทาง แต่ถึงอย่างนั้นเศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ทำให้ผู้คนมีงบอยู่อย่างจำกัด นอกจากจะต้องเสียค่าเดินทางที่สาหัสแล้ว ค่ากินอยู่ในต่างประเทศก็อ่วม ไหนจะต้องเอาเงินไปจองที่พักในโรงแรมที่ราคาสูงมาก ๆ ดังนั้นนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนจึงมักมองหาที่พักจากคนท้องถิ่นที่มาพร้อมกับอาหารมื้อเล็ก ๆ ในย่านที่คึกคัก แต่ราคาถูกกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายให้กับที่พักในโรงเเรมหรู โดยเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมในการให้บริการเช่าที่พักมากที่สุดในปัจจุบันก็คือ Airbnb
แต่ข่าวดีก็คือเราสามารถเรียนรู้การสร้างรายได้จากการทำธุรกิจให้เช่าห้องพักผ่านคอร์สเรียนออนไลน์ ‘Airbnb Rental Arbitrage’ โดยคอร์สนี้จะสอนคอนเซ็ปต์ของการลงทุนไปจนถึงการบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยจะสอนการให้เช่าที่พักผ่านเว็บไซต์ Airbnb ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้เช่าที่พักที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เรียนจบแล้วนอกจากจะเข้าในการทำธุรกิจให้เช่าที่พัก ยังสามารถกลายเป็น Superhost ได้อีกด้วย สมัครเรียนในราคาพิเศษ 890 บาท (ราคาปกติ 4,000 บาท) คลิกเลย