TOEIC คืออะไร สำคัญยังไง ทำไมต้องสอบ พร้อมเคล็ดลับทำคะแนนให้ปังทั้งฟังและอ่าน
3513 views | 28/02/2022
Copy link to clipboard
Fah Amornrat
Content Creator

     TOEIC คืออะไร ทำไมต้องสอบ แล้วใครต่อใครเค้านำคะแนน TOEIC ไปใช้ทำอะไรกันได้บ้างนะ ใครที่สงสัยเรื่องนี้ ลองมาลองดูความสำคัญของการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ TOEIC ตัวนี้กัน


     ในการใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งในชีวิตประจำวัน เราอาจจะแค่พอฟังออกสื่อสารได้ ให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่ในการทำงานที่ต้องแสดงความเป็นมืออาชีพ ทั้งฟังอย่างเข้าใจ พูดและใช้คำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อ่านและตีความได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งเขียนได้ตามหลักไวยากรณ์ เมื่อเราต้องทำงานกับหน่วยงานที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นการสื่อสารหลัก องค์กรที่จะรับเราเข้าทำงานคงไม่สามารถวัดทักษะภาษาของเราเพียงแค่การสัมภาษณเพียงช่วงเวลาไม่กี่ชม. ดังนั้น ถ้ามองในมุมองค์กร จะรับใครที่ใช้ภาษาอังกฤษเข้าทำงาน ก็คงต้องผ่านการวัดระดับที่ได้มาตรฐาน และการสอบ TOEIC ก็ช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้ได้



     TOEIC (โทอิค) หรือ Test of English for International Communication การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่กลุ่มบริษัทข้ามชาติ หรือองค์กรที่จำเป็นต้องเฟ้นหาบุคลากรที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ อาทิ สายการท่องเที่ยวการโรงแรม สายงานดูแลลูกค้าต่างประเทศ หรืองานสายการบิน เป็นต้น ใครที่สายงานเฉพาะอื่น ๆ หรือเห็นว่า การใช้ภาษาอังกฤษอาจไม่ค่อยจำเป็น อาจจะมองข้ามการสอบนี้ไปได้ แต่หากต้องทำงานที่ใช้ภาษา หรืออยากหาโอกาสในการทำงานร่วมกับบริษัทต่างชาติเพื่อเติบโตใน career path ละก็ TOEIC อาจเป็นใบเบิกทางหนึ่งใบที่คุณตามหาเลย เพราะกับบางที่ คะแนนโทอิคดีก็มีทางให้อ้าแขนรับ แถมอาจเพิ่มค่าภาษามาให้ในเงินเดือนซะด้วย คราวนี้เรามาดูความสำคัญของ TOEIC กัน


TOEIC กับวัยเรียน


      สำหรับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษา การสอบ TOEIC อาจยังไม่ได้จำเป็นกับทุกคน แต่อาจจะเหมาะสำหรับน้องนักเรียนวัยมัธยมที่อยากขอทุนเรียนต่อต่างประเทศ อยากฝึกงานช่วงปิดเทอมกับบริษัทหรือหน่วยงานที่ใช้ภาษาเป็นหลัก (ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละหน่วยงานว่าต้องการคะแนนการวัดระดับภาษาประเภทใดบ้าง) ส่วนในระดับนักศึกษานั้น ปัจจุบันมีบางคณะจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันระดับอุดมศึกษาหลายแห่งที่อาจต้องการให้นักศึกษายื่นคะแนน TOEIC ก่อนรับใบจบการศึกษา เพื่อให้แน่ใจว่า ระดับภาษาเหมาะสมกับตลาดแรงในปัจจุบัน



TOEIC กับคนวัยทำงาน


     ใครก็ตามที่ทำงานสายภาษาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นล่าม นักแปล งานที่ต้องร่วมติดต่อต่างประเทศอย่างสายการบิน การโรงแรมเรื่องโทอิคไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคุณแน่ ๆ แต่ใครที่เริ่มสนใจอยากท้าทายตัวเองไปทำงานในบริษัทข้ามชาติ องค์กรที่มีผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานเป็นชาวต่างชาติ โดยจะมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักนั้นล่ะก็ การวัดระดับนี้ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ช่วยเปิดโอกาส เปิดทางให้ได้เพิ่มประสบการณ์การทำงานกับชาวต่างชาติ ซึ่งบางแห่งก็ค่อนข้างให้ค่าตอบแทนที่สูง ตามประสบการณ์และคุณสมบัตด้านภาษาอังกฤษที่คุณมีด้วย


TOEIC มีรายละเอียดการสอบอย่างไรบ้าง

     ในการสอบ TOEIC ปัจจุบันมี 3 รูปแบบด้วยกัน คือ


1. TOEIC Listening and Reading

     การสอบสุดคลาสสิกของ TOEIC ที่มีมาเก่าแก่ยาวนาน และส่วนใหญ่ หลากหลายองค์กรก็จะวัดผลจากการสอบประเภทนี้เท่านั้น โดยจะมีลักษณะการสอบเป็นแบบปรนัย หรือ multiple choice จำนวน 200 คำถาม แบ่งเป็น 100 คำถามในแต่ละส่วน แบ่งดังนี้ 

  • Section 1 – Listening การฟัง 100 ข้อ เวลาสอบ 45 นาที
  • Section 2 – Reading การอ่าน 100 ข้อ เวลาสอบ 75 นาที 

แต่ละ section จะมีคะแนนเต็มเริ่มต้น 5 ถึง 495 คะแนน รวมคะแนนเต็มทั้งหมด 990 คะแนน โดยเราต้องไปทำการสอบที่สนามสอบโทอิคซึ่งมีสองแห่งคือ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่



2. TOEIC Speaking and Writing

     การสอบรูปแบบใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาภายหลัง เพื่อทดสอบความสามารถด้านการพูดและการเขียน โดยจะเป็นการสอบในรูปแบบออนไลน์ รวมทั้งหมด 400 ข้อ 

  • Section 1 – Speaking การพูด (ใช้วิธีอัดเสียงผ่านไมค์ของเรา) โดยจะมีทั้งการพูดตามข้อความที่มีให้ภายในเวลาที่กำหนด อธิบายภาพที่กำหนดให้ ตอบคำถามต่าง ๆ เป็นต้น เวลาสอบ 20 นาที  
  • Section 2 – Writing การเขียน จะมีการเขียนแต่งประโยคตามภาพและคำที่กำหนด, ตอบคำถาม รวมทั้งเขียนเรียงความด้วย ทั้งหมดใช้เวลา 1 ชั่วโมง


3. TOEIC Bridge

      เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มต้น มักจะนำมาใช้ในหน่วยงาน หรือสถานศึกษาภายในเพื่อช่วยชี้จุดอ่อนจุดแข็ง ต่อยอดเป็นการพัฒนาทางภาษามากกว่า ทดสอบเพื่อวัดระดับ โดยจะเน้นการฟัง การอ่าน การใช้ภาษา และการใช้ศัพท์ ดังนั้นจึงเป็นแบบทดสอบที่ง่ายกว่า สองประเภทข้างต้น 

  • Section 1 Background Question คำถามพื้นฐานทั่วไป ใช้เวลา 30 นาที
  • Section 2 Listening การฟัง 20 นาที
  • Section 3 Reading การอ่าน 35 นาที 

โดยผลการสอบ TOEIC (โทอิค) จะมีอายุการใช้งานเป็นเวลา 2 ปี หากเกิน 2 ปีแล้ว หน่วยงานบางแห่งอาจมองว่าผลสอบนั้นเป็นโมฆะ 



เทคนิคการทำข้อสอบ TOEIC ให้ฉลุย


     นอกจากควรรู้ว่าการฟัง พูด อ่าน เขียน ส่วนไหนที่เป็นจุดแข็งจุดอ่อนของเราและฝึกฝนส่วนนั้นอย่างสม่ำเสมอแล้ว ในการทำข้อสอบที่มีเวลาจำกัด โดยเฉพาะส่วนการฟังนั้น เรายิ่งควรมีสมาธิและอาจมีสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ในการสอบมากมาย

1. การฟัง

     นอกจากจะควรฝึกหูให้คุ้นชินกับภาษาอังกฤษเอาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ควรทดลองฟังข้อสอบเก่า ๆ ให้ออกภายในครั้งเดียวพร้อมการจับเวลาเสมือนอยู่ในห้องสอบจริงไปด้วย ซึ่งความรวดเร็วของเวลานั้น ในช่วงที่มีเวลา ควรอ่านคำถามคำตอบคร่าว ๆ เพื่อให้พอเข้าใจเรื่องที่จะฟังก่อน เมื่อถึงเวลาตอบคำถามจริง บางข้ออาจทำให้เราลังเล แนะนำว่าควรตอบที่คิดว่าใช่ไปเลย อย่ารีรอจนทำให้ไม่ทันฟังเสียงในข้อถัดไป


2. การอ่าน

     ฝึกการอ่านแบบ skimming และ scanning วิธีนี้จะช่วยให้เราหาจุดสำคัญหรือคีย์เวิร์ดภายในบทความด้วยความรวดเร็ว และพอเข้าใจหัวข้อหลักว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร นอกจากนี้ในการสอบส่วนการอ่าน แม้จะมีเวลาให้มากกว่าส่วนของการฟัง แต่หลายคนกลับขาดคะแนนไปเพียงเพราะทำไม่ทัน ดังนั้นพยายามทำข้อที่คิดว่าทำได้ก่อน ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับก่อนหลัง และหากสุดท้ายไม่ทันจริง ๆ ก็ควรทำทุกข้อให้ครบจะเป็นประโยชน์กว่า 



    TOEIC ไม่ใช่ข้อสอบที่น่ากลัวอย่างที่คิด หากใครที่อยากลองวัดระดับภาษาอังกฤษ TOEIC ก็สามารถสมัครสอบได้ ในราคา 1800 บาท มีศูนย์สอบสองแห่งคือ กรุงเทพมหานครและจังหวัดเชียงใหม่ แล้วอย่าลืมนำเทคนิคไปใช้ จะได้ไม่พลาดในวันสอบ แต่ถ้าไกลยังไม่กล้าเสี่ยงอยากเพิ่มสกิลภาษาอังกฤษให้ตัวเองก่อนสอบ ก็มาลองติว TOEIC กับ VCOURSE ของเราได้เลย 


ปฏิทินสอบ TOEIC 2023/2566 >> คลิกเลย


เรียนรู้เนื้อหาและเทคนิคการทำข้อสอบเพิ่มเติมได้ที่คอร์ส TOEIC BASIC 500+ by ครูพี่อิ๋ง

สอนตั้งแต่พื้นฐานระดับ 0 ไปจนถึงคนที่มีพื้นฐานอยู่แล้วที่ต้องการคะแนนเกิน 500+ ทำโจทย์เสมือนจริงครบทุกพาร์ท เข้าใจง่าย ใช้เวลาสั้น สมัครเรียนเลย คลิก >> https://vcourse.ai/courses/239

 



ที่มาข้อมูล

  • https://eflchiangmai.com/
  • http://krutoo.co.th/