เนื่องจากทำงานจากที่บ้านเส้นแบ่งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวไม่ชัดเจน ส่งผลให้หลายคนเสพติดงาน ทำให้ดวงตา สมองและร่างกายเกิดความอ่อนล้า เนื่องจากทำงานตลอดเวลาส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม และขาดการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำให้ผลงานออกมาไม่ดี ดังนั้นเพื่อให้งานและสุขภาพเกิดความบาลานซ์ ถึงเวลาต้อง ดูแลสุขภาพ ตนเองมากขึ้นแล้ว วันนี้เรามีเคล็ดลับการรักษาสุขภาพที่ดีและงานมีประสิทธิผลมาแนะนำผู้ที่ทำงานจากที่บ้าน
เพราะการทำงานจากที่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เราต้องปรับตัวกับการทำงานรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม จึงขอแนะนำให้เริ่มจากการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมโดยจัดพื้นที่ทำงานแยกออกเป็นส่วนตัว เช่น เลือกมุมใดมุมหนึ่งของบ้านก็ได้ที่มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ ตั้งโต๊ะทำงานใกล้หน้าต่างรับแสงสว่างจากธรรมชาติเพื่อให้สบายตาที่สุด กรณีที่พื้นที่จำกัด จำเป็นต้องตั้งโต๊ะทำงานในมุมอับไม่มีแสงธรรมชาติ ควรติดหลอดไฟเป็นตัวช่วยเพิ่มความสว่างเพื่อกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากต้องนั่งทำงานวันละหลายชั่วโมง ลงทุนซื้อเฟอร์นิเจอร์สำนักงานดี ๆ ที่ปรับท่าทางในการนั่งให้เหมาะกับสรีระได้ เก้าอี้นั่งสบายรองรับเอวและหลังแนบกับพนักเก้าอี้ สามารถนั่งตัวตรงและเท้าราบกับพื้นอย่างสะดวกสบายไม่ปวดเมื่อยเวลานั่งทำงานนาน ๆ
ข้อดีข้อเสีย Work from home มีทั้งสองด้าน เพราะแม้การทำงานที่บ้านมีเวลาเป็นอิสระแต่อาการออฟฟิศซินโดรมอาจหนักขึ้นเพราะการนั่งเป็นเวลานานหรือท่านั่งไม่เหมาะสมทำให้เกิดความเมื่อยล้า ทั้งปัญหาจากการนั่งทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง ทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า ต้นคอ ไหล่และหลัง หากละเลยไม่เอาใจใส่อาจกลายเป็นอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในระยะยาว แนะนำให้จัดตารางเวลาหยุดพักเป็นระยะเพื่อลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อพร้อมกับผ่อนคลายกล้ามเนื้อดวงตา ช่วยให้มีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น ซึ่งการลุกเปลี่ยนอิริยาบถหรือเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ช่วยได้ดี เช่น ลุกขึ้นและยืดกล้ามเนื้อทุกชั่วโมง หยุดพักไปเดิน 15 นาทีวันละ 1-2 ครั้ง ช่วยลดอาการขาบวมและช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
การทำงานที่บ้านรู้สึกเครียดมากกว่าทำงานในสำนักงาน ผิดจากความคาดหมายของหลายคนที่คิดว่าทำงานที่บ้านแล้วจะสบายไม่ต้องเดินทาง กลายเป็นว่าทำงานที่บ้านกลับเหน็ดเหนื่อยและเครียดกว่าเดิม เพราะแบ่งเวลาส่วนตัวกับเวลาทำงานได้ยาก เมื่อต้องมาทำงานที่บ้านการจัดมุมทำงานเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลายคนไม่มีความพร้อมในด้านสถานที่และไม่มีเวลาพักที่แน่นอน โดยเฉพาะถ้าปรับตัวหรือจัดการเวลาได้ไม่ดี ทำงานไปเรื่อย ๆ ทั้งวันเกิดความเครียดต่อเนื่องหรือระหว่างทำงานถูกรบกวนสมาธิเป็นพัก ๆ ขาดแรงจูงใจไม่สามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจทำให้ยิ่งเครียดมากขึ้น ดังนั้นต้องทำความเข้าใจสถานการณ์แล้วรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นเพื่อลดความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ซึ่งการออกกำลังกาย มีประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจจึงแนะนำให้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำสมาธิให้จิตใจสงบ ถ้าการทำสมาธิไม่ใช่แนวของคุณ ลองเดินตอนเช้า เล่นโยคะ ออกกำลังกายให้ร่างกายกระฉับกระเฉงและสมองปลอดโปร่ง ช่วยให้วางแผนใช้เวลาทำงานเต็มรูปแบบ จัดเวลาพักระหว่างทำงานและมีเวลาพักผ่อนจริง ๆ
4.กินอาหารเพื่อสุขภาพ
Work from home เปลี่ยนการใช้ชีวิตของคนเรา เมื่อต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน ไม่เพียงทำงานจนลืมกินอาหารไม่ตรงเวลา ส่งผลให้ร่างกายเหนื่อยล้า เกิดความเครียด ท้องผูก กินข้าวไม่ตรงเวลาทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานช้าลง ความอยากอาหารมื้อต่อไปเพิ่มขึ้นทำให้กินมากขึ้นและไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือกรณีที่กินจุบจิบตลอดเวลาทำให้น้ำหนักพุ่งเกินพิกัด เสี่ยงเป็นโรคอ้วนและเกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว รู้ปัญหาอย่างนี้แล้วต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยที่มีสารอาหารครบถ้วนหรือมีของว่างรองท้องระหว่างมื้อจำพวกผลไม้ นม โยเกิร์ต อาหารจำพวกโปรตีนและไฟเบอร์ที่ช่วยให้อิ่มท้องนาน ลดอาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลและเกลือสูง สิ่งสำคัญคือดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันอาการท้องผูกและอารมณ์แปรปรวนกระทบต่อการทำงาน ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ดื่มกาแฟและชา หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม และน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
เคล็ดลับด้านสุขภาพสำหรับคนทำงานจากที่บ้านคือการปรับตัวให้มากที่สุด กำหนดตารางเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวแยกให้ชัดเจน รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยึดมั่นตามกิจวัตรประจำวันรวมถึงตื่นนอนและเข้านอนเวลาเดิมทุกวัน ที่สำคัญคือต้องให้เวลานอนเพียงพออย่างน้อย 7 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญในโลกของการทำงาน ช่วยลดความรู้สึกเครียดที่ต้องอยู่บ้านตลอดเวลา
Work from home ข้อดีข้อเสียของการทำงานจากที่บ้านหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 การทำงานจากที่บ้านกลายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส คนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่บ้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เห็นได้ชัดว่าการทำงานจากที่บ้านมีประโยชน์มากมาย เปิดโอกาสให้คนทำงานบริหารเวลาอย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น
ข้อดีของการทำงานที่บ้าน
ข้อเสียของการทำงานที่บ้าน
ที่มาข้อมูล