ในปัจจุบันภาษาอังกฤษมีความสำคัญและเรียกได้ว่าเป็นใบเบิกทางเพิ่มโอกาสต่าง ๆ ในชีวิต ทั้งโอกาสการเรียน การทำงาน หรือแม้แต่การโยกย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นการสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามการสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษที่ชาวไทยได้ยินและคุ้นเคยมี 3 ชนิด คือ TOEIC IELTS TOEFL ซึ่งหลายท่านยังคงสงสัยว่าการสอบทั้ง 3 ชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร ยากง่ายต่างกันหรือไม่ และเราควรสอบตัวไหนดี? ดังนั้นจึงได้เปรียบเทียบรายละเอียดข้อมูลของการสอบทั้งสามเพื่อให้ทุกท่านเปรียบเทียบและเลือกสอบได้ตรงกับความต้องการของตัวเอง
TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication เป็นการสอบวัดภาษาอังกฤษเชิงการสื่อสารในการทำงาน ผลคะแนนใช้สำหรับยื่นสมัครงานในองค์กรต่าง ๆ ซึ่งหลายหน่วยงานและองค์กรในไทยทั้งภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ราชการ รวมถึงบริษัทต่างชาติจะใช้ผลคะแนน TOEIC ในการวัดและยืนยันความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ยื่นสมัครงาน
การสอบ TOEIC เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการยื่นสมัครงาน คนทำงานที่ต้องการโอกาสเลื่อนตำแหน่ง อัปเงินเดือน นักเรียนที่ต้องการยื่นสมัครเรียนระดับปริญญาตรีในบางคณะและมหาวิทยาลัย
รูปแบบข้อสอบ TOEIC จะทดสอบ 2 ทักษะคือ Listening (495 คะแนน) และ Reading (495 คะแนน) เป็นแบบ Multiple choices 200 ข้อ คะแนนเต็มรวม 990
Listening Comprehension (100 ข้อ)
Part 1 : Photographs (ดูรูป+ฟังเสียง)
Part 2 : Question-Response (ฟังอย่างเดียว)
Part 3 : Short Conversation (ฟังบทสนทนา คำถาม แล้วตอบคำถาม)
Part 4 : Short Talks (ฟังบทพูด คำถาม แล้วตอบคำถาม)
Reading Comprehension (100 ข้อ) *ในส่วนนี้เน้นวัดความรู้เรื่องแกรมม่า
Part 5 : Incomplete Sentences (เติมประโยคให้สมบูรณ์)
Part 6 : Text Completion (เติมข้อความในเนื้อเรื่องให้สมบูรณ์)
Part 7 : Reading Comprehension (อ่านบทความแล้วตอบคำถาม)
อายุคะแนน ผลคะแนนสามารถใช้ได้ 2 ปี
ค่าสมัครสอบ 1,800 บาท
IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System เป็นการสอบวัดระดับวัดผลทางภาษาอังกฤษเชิงวิชาการระดับนานาชาติที่ตรงตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่าง The University of Cambridge ESOL Examinations, British Council และ IDP : IELTS Australia ผลคะแนนใช้ในการยื่นเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก และใช้เพื่อไปฝึกอบรมที่ต่างประเทศ รวมถึงการยื่นขอวีซ่าเพื่อไปย้ายไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ
การสอบ IELTS เหมาะสำหรับ ผู้ต้องการศึกษาต่อ ฝึกอบรม ทำงาน หรือโยกย้ายไปต่างประเทศ
รูปแบบข้อสอบ IELTS จะทดสอบทั้งหมด 4 ทักษะ Listening, Speaking, Reading และ Writing
Listening - ฟังบทสนทนา บทพูด และบรรยายทั่วไป
Speaking - เป็นการสัมภาษณ์ทั่วไป ให้อธิบายประเด็นต่าง ๆ แบบตัวต่อตัวกับผู้คุมสอบ โดยผู้คุมสอบมาจากหลายเชื้อชาติจึงอาจเจอสำเนียงภาษาอังกฤษได้หลายรูปแบบ
Reading - แบบ Academic จะให้อ่านบทความวิชาการ บทวิเคราะห์ ส่วนแบบ General Training จะให้อ่านข่าว บทความเกี่ยวกับการทำงาน
Writing - แบบ Academic ให้เขียนอธิบายกราฟ ตาราง แผนภูมิหรือแผนภาพ ส่วนแบบ General Training จะให้เขียนจดหมาย
ผลคะแนนจะแบ่งเป็น 9 ระดับ ดังนี้
9 Expert user - ใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นเลิศ
8 Very good user - ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก
7 Good user - ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี
6 Competent user - ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับที่ใช้งานในสถานการณ์ที่คุ้นเคย
5 Modest user - ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับปานกลาง
4 Limited user - ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัด
3 Extremely limited user - ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัดมาก
2 Intermittent user - สื่อสารไม่ได้ แต่ใช้คำศัพท์พื้นฐานได้
1 Non-user – ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้นอกจากคำศัพท์เพียงเล็กน้อย
ระดับคะแนนที่ถือว่าผ่านเกณฑ์อยู่ที่ Band 5.5 หรือ 6.5 ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของสถานศึกษาและองค์กรนั้น ๆ
อายุคะแนน ผลคะแนนสามารถใช้ได้ 2 ปี
ค่าสมัครสอบ 6,900 บาท (การสอบแบบ paper-based test)
TOEFL ย่อมาจาก Test of English as a Foreign Language เป็นการสอบวัดระดับทักษะความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบอเมริกา ถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองที่ ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ผลคะแนนสามารถใช้ยื่นเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยของไทยในหลักสูตรนานาชาติ ใช้ยื่นเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมิรกา รวมถึงคนทำงานสามารถใช้ยื่นเพื่อปรับเงินเดือนหรือเลื่อนตำแหน่งได้
การสอบ TOEFL เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการศึกษาต่อหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยของไทย หรือผู้ที่ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ และคนทำงานที่ต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ
รูปแบบข้อสอบ TOEFL จะทดสอบทั้งหมด 4 ทักษะ Listening, Speaking, Reading และ Writing คะแนนเต็มรวม 120 คะแนน โดยคะแนนที่ผ่านเกณฑ์อยู่ที่ 70-90 คะแนนขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของสถานศึกษาและองค์กรนั้น ๆ
Listening - ฟังบทสนทนาและตอบคำถามแบบ Multiple choices
Speaking - ตอบคำถาม 6 ข้อใส่ไมโครโฟนเพื่อบันทึกคำตอบไว้คิดคะแนนกับกรรมการหลายคนในภายหลัง ซึ่งสำเนียงที่ได้ยินนั้นจะเป็น American English
Reading - อ่านบทความและตอบคำถามแบบ Multiple choices
Writing - เขียนเรียงความ 2 หัวข้อ เรียงความแรก อ่านบทความ และฟังบทสนทนาเกี่ยวกับบทความนั้น แล้วเขียนเรียงความ ส่วนเรียงความที่สอง ให้เขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด
อายุคะแนน ผลคะแนนสามารถใช้ได้ 2 ปี
ค่าสมัครสอบ ประมาณ 6,000 บาท
ที่มาข้อมูล