คน Gen Z ใช้ TikTok ค้นหาข้อมูลมากขึ้นเพราะชอบดูรูป ถ้าเข้า TikTok ก็จะเห็นคลิปที่อยากรู้เรียงกันเป็นตับ ไม่ต้องอ่านให้เสียเวลา สะดวกแล้วก็สบาย เรื่องนี้เหล่า Gen Z เขารู้ดี ! เพราะเกือบ 40% ของกลุ่ม Gen Z ที่เกิดระหว่างปี 2540 ถึง 2555 (อ้างอิงข้อมูลของ Pew Research Center) เมื่อมองหาร้านอาหาร พวกเขาจะไม่ไปที่ Google Maps หรือ Search แต่จะไปที่ TikTok หรือ Instagram แทน
อย่าว่าแต่ Gen Z เลยค่ะ ขนาดกลุ่ม Millennial อย่างคนเขียนเองก็แอบเข้า ๆ ออก ๆ TikTok หาร้านที่เขาว่าอร่อย โลเคชั่นถ่ายรูปเมื่อต้องวางแผนเที่ยวต่างประเทศ เพราะผู้คนชอบ Visual Content หรือคอนเทนต์ที่เห็นภาพมากกว่าลิงก์สีน้ำเงินยาวเหยียด ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Google ยอมไม่ได้ ต้องรีบปรับกลยุทธ์การเสิร์ชใหม่เพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบใช้ TikTok และ Instagram ในการค้นหาข้อมูล ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์แสดงคลิป TikTok ขึ้นที่หน้าค้นหากันเลยทีเดียว
การที่ Google เล่นปรับกลยุทธ์ Search Engine ให้คนเสิร์ชเห็นคลิป TikTok แบบนี้ ก็เท่ากับว่าคลิป TikTok จะสามารถถูกค้นพบได้จากหลายช่องทางมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น นับเป็นโอกาสที่เลอค่าสำหรับเหล่า Content Creator ที่อยากทำให้คลิป TikTok เข้าถึงผู้คนและมีโอกาสขึ้นโชว์อยู่บนหน้าแรกของผลลัพธ์การค้นหาบน Google แต่งานนี้ต้องทำอย่างไรให้คลิปสั้น TikTok ของเราทะยานไปสู่หน้าแรกของ Google ได้สำเร็จ ? คำตอบอยู่ที่นี่แล้ว
แคปชั่น คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คลิป TikTok ของเราถูกค้นพบในหน้าค้นหา (Discover) ส่วนใหญ่แล้ว Caption สำหรับวิดีโอ TikTok ไม่ว่าจะเป็นแคปชั่นบนวิดีโอหรือแคปชั่นคำอธิบายวิดีโอจะเป็นประโยคไม่ยาวมาก เน้นสั้น ๆ อ่านปุ๊บเข้าใจเลยทันที ซึ่งแคปชั่นเป็นตัวชี้วัดอีกหนึ่งตัวที่ทำให้คลิปของเราไปปรากฏอยู่ใน ‘การแนะนำคลิปที่ไม่ได้ติดตาม’ หรือแท็บ For You โดย TikTok จะจำแนกวิดีโอผ่านคีย์เวิร์ดในวิดีโอนั้น ๆ การใส่แคปชั่นจึงเน้นที่ความเกี่ยวข้องกันกับเนื้อหาในวิดีโอ
ตอนนี้การใส่ Keyword Research + Search Volume ที่แม้จะมียอดสูง อาจไม่เพียงพอต่อการทำให้ TikTok ของเราไปโผล่ที่หน้าแรกของ Google เพราะต้องเดาใจกลุ่มเป้าหมายให้ได้ด้วยว่าความต้องการของพวกเขาจะนำไปสู่การเสิร์ชอย่างไรบ้าง คิดและจำลองการเสิร์ชของกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ดังนี้
แน่นอนว่าเทคนิคที่จะทำให้ผู้ใช้งานเห็นคลิปเรามากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ การเลือกใช้ Hashtag (#) หรือสร้างกลยุทธ์ด้วยแฮชแท็ก (Hashtag strategy) เพราะหากเราลองเสิร์ชคลิป TikTok บน Google เราจะเห็นเลยว่ามีติดติ่งแฮชแท็กมาด้วยเสมอแทบทุกคลิป การใส่แฮชแท็กไม่จำเป็นต้องใส่คำเดียวเดี่ยว ๆ เราสามารถติด Hashtag ด้วย Long-tail keyword ได้ เช่น #catchallenge #catlover #catlovers เป็นต้น
ทั้งนี้สิ่งที่ต้องระวังให้มาก ๆ ก็คือการใส่แฮชแท็กที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาภายในคลิป หรือระดมใส่แฮชแท็กมากจนเกินพอดี เพราะอาจทำให้คลิปของเราไม่ Friendly และทำให้ AI ของ TikTok ปิดการมองเห็น คลิปที่เราตั้งใจสร้างสรรค์ก็จะไม่ถูกนำไปแสดงผลยังกลุ่มเป้าหมาย ทำแล้วเสียเที่ยวได้
แนวโน้มการเสิร์ชด้วยเสียงกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น การสั่งด้วยเสียงจะใช้ประโยคที่แตกต่างจากการพิมพ์เพื่อค้นหาข้อมูล ในคลิป TikTok ของเราจึงควรมีคำพูดที่ติดคำสั่งเสียงอยู่ในคลิปด้วยเพื่อความเซฟ โดย Voice Search จะใช้คำหรือคีย์เวิร์ดประเภท Conversational Keywords หรือประโยคที่เป็นภาษาพูดคุยจริง ๆ เหมือนกำลังถามใครสักคนจริง ๆ
ยังมีเคล็ดลับดี ๆ อีกมากมายที่จะปูพื้นฐานให้เราเข้าใจการทำการตลาดด้วยวิดีโอ ในคอร์สเรียนออนไลน์ ‘ตัดต่อวิดีโอด้วยมือถือเครื่องเดียว’ ไม่ว่าจะทำ TikTok, YouTube หรือ Reels เมื่อเรียนจบแล้วจะสามารถตัดต่อวิดีโอได้ และสามารถคิดแผนโปรโมท ทำการตลาดด้วยตัวเองได้จริง 100% !
ที่มาข้อมูล