จริง ๆ แล้วทุกภาคธุรกิจล้วนแต่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ทั้งนั้น แต่กลุ่มธุรกิจที่เราคัดมาเฉพาะส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ประกอบไปด้วย
กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนักเป็นอันดับแรกและรุนแรงมากที่สุด เพราะการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเครื่องจักรที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างยาวนาน โดยก่อนเกิดวิกฤตพบว่าในปี 2562 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 2.69 ล้านล้านบาท ในขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวของปี 2563 พบว่าประเทศไทยมีรายได้รวมจากกท่องเที่ยวเพียง 760,000 ล้านบาท ลดลงถึง 71.75 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 เนื่องจากแต่ละประเทศออกมาตรการล็อกดาวน์หรือปิดประเทศเพื่อป้องกันโรคระบาดที่จะแพร่เข้ามาในประเทศ เมื่อคนท่องเที่ยวไม่มี สถานประกอบการหลายแห่งจึงเลือกที่จะปิดตัวลงชั่วคราวเนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะค่าแรงคนงานและพนักงานที่จะต้องจ่ายให้ทุกเดือนโดยที่ไม่มีรายรับเข้ามา สายการบิน สนามบิน ต่างออกมาตรการให้พนักงานสมัครใจลาออกเพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายให้บริษัทอยู่รอด ร้านค้า ร้านอาหารตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ต้องปิดตัวลง ธุรกิจโรงแรม นักร้อง นักดนตรี ที่ทำงานกลางคืนอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต้องตกงานเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นี้เพราะไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าการแพร่ระบาดของโรคจะสิ้นสุดลงเมื่อใด จึงทำให้ได้รับผลกระทบหนักกันอย่างถ้วนหน้า
ธุรกิจประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กัน เนื่องจากขาดการวิเคราะห์และพิจารณาถึงความรุนแรงเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 นี้ ต่างพากันออกแคมเปญประกันโควิดจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงจากจำนวนผู้ป่วยเพียงหลักสิบต่อวัน พุ่งสูงขึ้นเป็นหลักร้อยหลักพันจนถึงหลักหมื่นคนต่อวัน ส่งผลให้เกิดการเคลมประกันเรื่องค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยจำนวนมาก โดยเฉพาะประกันเจอ-จ่าย-จบ ที่ไม่จบ ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากบริษัทประกันบางแห่งยังไม่ชำระเงินค่าสินไหมให้แก่ลูกค้าทำประกัน COVID-19 ส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อให้ศาลช่วยพิจารณาและไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับค่าสินไหมนี้เป็นจำนวนมาก
ภาคขนส่งและบริการหมายถึงการขนส่งสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถตู้โดยสาร แท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ล้วนได้รับผลกระทบไม่แพ้กับภาคธุรกิจอื่น ๆ เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลสั่งห้ามคนเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดที่รุนแรง ทำให้ขนส่งสาธารณะต้องจำกัดการเดินทางหรือถึงขั้นปิดตัวลงเพื่อปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลประกาศออกมา รวมถึงการที่บริษัทเอกชนและข้าราชการหลายแห่งให้ทำงานอยู่ที่บ้านจึงทำให้การเดินทางลดน้อยลงไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่นักเรียน นักศึกษาที่ต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านเช่นกัน
ธุรกิจก่อสร้างเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับ ผลกระทบเศรษฐกิจ ไม่แพ้กับภาคธุรกิจอื่น ๆ เนื่องมาจากมาตรการของรัฐที่ป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 จึงทำให้จำกัดการรวมกลุ่มคนกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้างที่ต้องอาศัยแรงงานและคนจำนวนมาก เมื่อมาอยู่ร่วมกันจึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้างโดยเฉพาะแคมป์คนงานก่อสร้างที่มีชาวต่างชาติ ดังจะเห็นได้จากข่าวก่อนหน้านี้ที่มีการปิดไซส์คนงานก่อสร้างหลายแห่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่ก็ยังมีคนงานบางส่วนเล็ดลอดออกนอกพื้นที่ไปแพร่เชื้อให้กับกลุ่มคนอื่น ๆ เนื่องจากคนงานบางส่วนเป็นคนงานที่เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย
หลังจากที่หลายคนได้รับ ผลกระทบจากโควิด 19 ส่งผลให้หนี้ภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงาน เมื่อขาดรายได้จากการทำงานประจำจึงทำให้มีแต่รายจ่าย จนทำให้หนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP เพิ่มสูงขึ้นถึง 95 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์และคาดว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสถัดมา ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการมีหนี้สูงจนส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในอนาคตได้ แม้จะมีมาตรการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ อย่างเราชนะ คนละครึ่ง การเพิ่มเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ มาตรการการลดค่าไฟ ค่าน้ำ ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือในระยะยาวได้ อีกทั้งเม็ดเงินที่ช่วยเหลือก็มีอย่างจำกัด
ที่มาข้อมูล